ส่วนประกอบ ของ เครื่องยนต์ 4 จังหวะ
บ-ล-ช-ออ-น-sleek
- วิชา งานจักรยานยนต์
- พระ ปิด ตา อาจารย์ ดิษฐ์ 2485 ราคา
- 10 อาหารคนที่ห้ามให้หมา-แมวกินเด็ดขาด !
- ส่วนประกอบหน้าที่และการบำรุงรักษาเครื่องยนต์เล็ก | ทฤษฎีงานเครื่องยนต์เล็ก
- Kawasaki kr 150 แต่ง สวย wheels
1) ฝาสูบ (Chlinder Head) คือ ชิ้นส่วนที่อยู่ตำแหน่งบนสุดของเครื่องยนต์ ซึ่งทำหน้าที่ปิดส่วนบนของเครื่องยนต์ อีกทั้งยังเป็นที่ติดตั้งของชิ้นส่วนอย่างอื่นที่สำคัญ ฝาสูบ (Chlinder Head) การดูแล "ฝาสูบ" เราจะต้องหมั่นตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน ตรวจสอบฝาหม้อน้ำว่ารั่วหรือไม่ตรวจว่ามีลมอัดออกมาจากรอยต่อของฝาสูบหรือไม่ มีน้ำหยดไหลออกจากเครื่องมากหรือไม่หรือน้ำในหม้อน้ำลดระดับมากผิดปกติ ที่สำคัญ อย่ารอให้ไฟความร้อนเตือน เพราะบางครั้งฝาสูบอาจจะโก่งพร้อมกับระบบเตือนความร้อนอาจเพราะอายุและการทำงานของเครื่องยนต์ 1. 2) เสื้อสูบ (Chlinder Block) คือ ชิ้นส่วนที่อยู่ตำแหน่งตอนกลางของเครื่องยนต์ โดยจะทำหน้าที่ห่อหุ้มกลไกภายในเครื่องยนต์เปรียบเสมือนห้องทำงาน ที่มีชิ้นส่วนประกอบอื่น ๆ มากมาย เช่น กระบอกสูบ เพลงข้อเหวี่ยง เป็นต้น เสื้อสูบ (Chlinder Block) การดูแล "เสื้อสูบ" เสื้อสูบนั้น ผลิตจากวัสดุที่แข็งแรงทนทาน โดยเฉพาะเสื้อสูบที่ทำจากเหล็กจะมีความทนทานมาก เช่นนั้นเป็นไปได้ยากที่จะเกิดความเสียหาย เว้นแต่จะมีสาเหตุเกิดจากชิ้นส่วนอื่น ๆ ดังนั้นเราควรหมั่นตรวจสอบระบบน้ำมันหล่อเย็นและระบบอื่นด้วย 1.
วิชา งานจักรยานยนต์
2 หลักการทำงานของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ การทำงานของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ แยกเป็นแต่ละจังหวะได้ดังนี้ 1. จังหวะดูด (Intake Stoke) 2. จังหวะอัด (Compression Stroke) 3. จังหวะระเบิดหรือจังหวะงาน (Power Stroke) 4. จังหวะคาย (Exhaust Stroke) ไดอะแกรมแสดงการปิด-เปิดของวาล์ว (Valve Timing Diagram) 1. ลิ้นไอดีเปิด (Inlet Valve Open) เปิดก่อน TDC 2. ลิ้นไอดีปิด (Inlet Valve Close) ปิดหลัง BDC 3. ลิ้นไอเสียเปิด (Exhaust Valve Open) เปิดหลัง BDC 4. ลิ้นไอดีปิด (Inlet Valve Open) ปิดก่อน TDC 2. 3 หลักการทำงานของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ เครื่องยนต์ 2 จังหวะไม่มีวาล์วสำหรับการปิด-เปิดไอดี ไอเสีย ซึ่งแตกต่างจากเครื่องยนต์ 4 จังหวะ กลไกต่าง ๆ จะง่ายกว่า โดยจะต้องใช้ช่อง (Port) แทนในการบรรจุไอดีและคายไอเสีย เช่น ช่องไอดี (Intake Port) ช่องทางไอดี (Transfer Port) ช่องไอเสีย (Exhaust Port) เป็นต้น เครื่องยนต์ 2 จังหวะ สามารถแบ่งได้เป็น 4 แบบ คือ 1. แบบลูกสูบ (Piston Valve Type) เครื่องยนต์แบบนี้ การบรรจุไอดี และการถ่ายไอเสีย จะใช่ส่วนบนและล่างของลูกสูบเป็นตัวกำหนด เวลาช่องปิดเปิดช่องไอดี-ไอเสีย ดังนั้นตำแหน่งการบรรจุไอดี และคายไอเสียจึงคงที่ตลอดเวลา 2.
3) กระบอกสูบ (Chlinder) คือ กระบอกเปรียบเสมือนห้องทำงานของลูกสูบ "การเคลื่อนที่" โดยกระบอกสูบจะเป็นส่วนที่ได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงและอากาศ ซึ่งเชื่อเพลิงและอากาศจะเกิดการระเบิด ทั้งนี้ แรงระเบิดจะทำให้ลูกสูบเคลื่อนที่ในกระบอกสูบ กระบอกสูบมักจะไม่เกิดความเสียหาย ยกเว้นแต่ชิ้นส่วนภายใน เช่น ลูกสูบ ก้านสูบ เป็นต้น ทำให้กระบอกสูบชำรุดเสียหายได้ กระบอกสูบ (Chlinder) การดูแล "กระบอกสูบ" คงไม่มีการบำรุงรักษาสำหรับกระบอกสูบ แต่ควรตรวจและหมั่นดูน้ำมันหล่อลื่นอย่าให้ขาดหรือเกินมากเกินไป และระวังความเสียหายที่เกิดขึ้นจากชิ้นส่วนอื่น เช่น ลูกสูบ เป็นต้น 1. 4) ลูกสูบ (Piston) คือ ชิ้นส่วนสำคัญที่เคลื่อนที่ภายในกระบอกสูบ ทำหน้าที่สร้างแรงอัดต่อน้ำมันเชื้อเพลิงและอากาศ ให้มีความดันและอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการจุดระเบิดและเผาไหม้ ซึ่งลูกสูบเป็นตัวสร้างกำลังและส่งต่อออกมาภายในกระบอกสูบ โดยอาศัยก้านสูบในการถ่ายเทพลังงานไปยังเพลาข้อเหวี่ยง ลูกสูบ (Piston) การดูแล "ลูกสูบ" จะต้องหมั่นต้องตรวจสอบระบบหล่อเย็นว่ามีน้ำหยดออกจากระบบหรือไม่ หรือปะเก็นมีรอยรั่วหรือไม่ และใช้น้ำมันหล่อลื่นถูกต้องตามคู่มือหรือไม่ 1. 5) แหวนลูกสูบ (Piston Ring) แหวงลูกสูบจะแบังออกเป็น 2 ชนิด คือ แหวงน้ำมัน และแหวงอัด 1.
พระ ปิด ตา อาจารย์ ดิษฐ์ 2485 ราคา
5. 1) แหวงอัด จะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ความดันอากาศรั่วซึมออกจากกระบอกสูบ หรือห้องเผาไหม้ ทั้งนี้ถ้าไม่มีแหวงอัดอากาศจะทำให้ ไอดี รั่วไหลออกผ่านช่องว่างระหว่างลูกสูบกับผนังกระบอกสูบ แหวงอัด 1. 2) แหวงน้ำมัน ทำหน้าที่กวาดน้ำมันหล่อลื่อที่ไหลตามผนังกระบอกสูบลงมา ไม่ให้ไหลไปยังห้องเผาไหม้ เพราะหากน้ำมันหล่อลื่อถูกดันขึ้นไปเผาไหม้ในห้องเผาไหม้มากเกินไป จะเกิดเป็นก๊าซคาร์บอน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวเทียนบอดเคลือบวาล์ว และความเสียหายจะเกิดกับแหวงในที่สุด การดูแล "แหวงลูกสูบ" ควรใส่ใจกับการใช้ชนิดของน้ำมันหล่อลื่อ เราต้องเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่อที่เหมาะสมกับชนิดของเครื่องยนต์ และควรตรวจสอบระบบน้ำหล่อเย็นให้ดี เพื่อป้องกันให้ลูกสูบมีความร้อนในขณะทำงานมากเกินไป เพราะอาจจะเกิดอันตรายให้กับแหวงลูกสูบได้ 1. 6) ก้านสูบ (Connecting Rod) ทำหน้าที่ ถ่ายทอดกำลังจากการเคลื่อนที่ของลูกสูบ ที่เกิดจากการจุดระเบิดหรือเผาไหม้เชื้อเลิงภายในกระบอกสูบ โดยก้านสูบนี้จะส่งกำลังงานไปยังเพลงข้อเหวี่ยง และถ่ายทอดเป็นกำลังในการหมุนต่อไปยังชิ้นส่วนอื่น ก้านสูบ (Connecting Rod) การดูแล "ก้านสูบ" การที่เราจะรู้ถึงความผิดปกติของก้านสูบนั้นยากมาก เพราะอาการที่ของเครื่องยนต์ที่จะเตือนให้รู้เรารู้ตัวก่อนแทบจะไม่มี สุดท้ายก็จะเกิดเสียงดังปัง เป็นอันว่าก้านสูบเริ่งจะชำรุดแล้ว ดังนั้นเราควรตรวจสอบระบบต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ก่อนที่จะทำงาน 1.
แบบรีดวาล์ว (Reed Valve) เครื่องยนต์แบบนี้ได้มีการปรับปรุงเพื่อป้องกันสาเหตุที่ไอดีสามารถไหลย้อนกลับไปทางคาร์บูเรเตอร์ โดยกการติดตั้งลิ้นกับกลับที่เรียกว่า "รีดวาล์ว" (Reed "Valve) ซึ่งทำจากแผ่นเหล็กสปริงที่มีความเหนียวและแข็งแรงต่อแรงกระแทกได้ดี 3. แบบโรตารี่ (Rotary Valve) เครื่องยนต์แบบนี้การคายไอเสียจะใช้ส่วนบนของลูกสูบเปิดหรือปิดช่องไอเสีย การบรรจุไอดีเข้าห้องเพลาข้อเหวี่ยงจะใช้แผ่นโรตารี่วาล์วเปิดหรือปิดช่องไอดี ดังนั้นการบรรจุไอดีเพิ่มหรือลดจึงทำได้โดยง่าย อัตราแร่งและกำลังของเครื่องยนต์จะมีมากที่ความเร็วต่ำและสูง 4. แบบเพาเวอร์รีด (Power Reed) เครื่องยนต์แบบนี้จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างแบบลูกสูบกับแบบรีดวาล์ว ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สูง ทั้งขณะที่เครื่องยนต์มีความเร็วรอบต่ำและสูง 5. แบบแคร้งค์เคสรีดวาล์ว (Crank Case Reed Valve) เครื่องยนต์แบบนี้จะให้ไอดีไหลเข้าในห้องเพลาข้อเหวี่ยงโดยตรง (ไม่ผ่านเสื้อสูบ) และใช้รีดวาล์วเป็นอุปกรณ์ป้องกันการไหลกลับการไหลของไอดีเช่นเดียวกันกับแบบรีดวาล์ว ทำให้ระยะทางการไหลของไอดีสั้นลงทำให้สามารถบรรจุไอดีเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีผลให้รถมีอัตราเร่งดีขึ้น แบบฝึกหัดหลังเรียน
10 อาหารคนที่ห้ามให้หมา-แมวกินเด็ดขาด !
- 🌟ให้เช่าคอนโดเมโทปาร์ค สาทร-กัลปพฤกษ์💎ห้องสวย ตรงปก 💎ฟรี wifi | Livinginsider
- เข็ม เจาะ น้ํา ตาล ปลาย นิ้ว
- Apple iPad Mini 4 WiFi มือถือจอ 7.9 นิ้ว ปี 2015 เช็คสเปค-ราคา-โปรโมชั่น
- Sweet duck 4 คลอง 3
- ฟอร์จูน เนอ ร์ trd sportivo 2011 6
- รองเท้า ฟุต ซอ ล pan 2010 relatif
- REEKOONG: เปิด Adobe Acrobat X Pro ไม่ได้
10) อ่างน้ำมันเครื่อง (Crank Case) หรืออ่างน้ำมันหล่อลื่น คือส่วนที่อยู่ช่องล่างของเครื่องยนต์ โดยทั่วไปแล้วอ่างน้ำมันเครื่องจะมีอยู่ 2 ส่วนด้วยกัน คือส่วนบนของอ่างจะถูกหล่อติดกับเสื้อสูบ และส่วนล่างจะเป็นอ่างที่ใช้เก็บน้ำมันหล่อลื่น โดยน้ำมันหล่อลื่นนั้นจะถูกดูดขึ้นไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนที่ต้องการหล่อลื่นทั้งหมดของเครื่องยนต์ การดูแล "อ่างน้ำมันหล่อลื่น" โดยปิกติแล้วอ่างน้ำมันหล่อลื่นจะไม่ค่อยเสียง่าย เว้นแต่จะถูกกระแทงอย่างแรง ส่วนมากจะเป็นปะเก็นอ่างน้ำมันเครื่องที่มีโอกาสที่จะเสียหายได้มากกว่าอ่างน้ำมันหล่อลื่น 1. 11) ปั๊มน้ำ (Water Pump) ทำหน้าที่สูบน้ำจากหม้อน้ำไประบายความร้อนให้กับชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ในขณะทำงาน โดยเรียกทั้งระบบว่า ระบบหล่อเย็น แต่สำหรับเครื่องยนต์เล็ก 2 จังหวะจะเป็น ระบบรายความร้อนด้วยอากาศจะไม่มีปั๊มน้ำอยู่ในระบบเครื่องยนต์ ปั๊มน้ำ (Water Pump) การดูแล "ปั๊มน้ำ" การเสียหายของปั๊มน้ำสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่มีความร้อนสูง ชิ้นส่วนที่จะเสียหายก่อนในปั๊มน้ำ คือซีลยางที่คอปั๊มน้ำ เนื่องจากซีลส่วนใหญ่จะผลิตจากยางสังเคราะห์ เมื่อถูกความร้อนมาก ๆ ซีลก็มักจะเสื่อมสภาพเร็ว 1.
ส่วนประกอบหน้าที่และการบำรุงรักษาเครื่องยนต์เล็ก | ทฤษฎีงานเครื่องยนต์เล็ก
13) หม้อกรองอากาศ (Air Cleaner) ทำหน้าที่กรองฝุ่นผงเล็ก ๆ และเศษสิ่งสกปรกทั้งหลายในอากาศ ที่เข้าไปในกระบอกสูบ ซึ่งเป็นห้องเผาไหม้ให้กำลังให้กับเครื่องยนต์ หม้อกรองอากาศ (Air Cleaner) การดูแล "หม้อกรองอากาศ" โดยปกติแล้วหม้อกรองอากาศจะไม่ค่อยได้รับความเสียหาย แต่ไส้กรองของหม้อกรองอากศ เมื่อใช้งานนาน ๆ ไปฝุ่นผงเล็ก ๆ และเศษสิ่งสกปรกจะติดอยู่ในไส้กรอง ทำให้อากาศไหลเข้าเครื่องยนต์ไม่สะดวก เช่นนั้น เราควรถอดไส้กรองออกมาเป่าฝุ่นทำความสะอาดบ่อย ๆ 1. 14) วาล์ว (Valve) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ลิ้น ทำหน้าที่เปิดให้ก๊าซเข้าสู่กระบอกสูบ และออกจากกระบอกสูบตามจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ นอกจากนี้เครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะ จะใช้ช่องพอร์ที่ผนังกระบอกสูบ แทนการใช้วาล์วแบบกลไล วาล์ว (Valve) การดูแล "วาล์ว" ปัญหาส่วนใหญ่ของวาล์ ก็คือวาล์วปิดไม่สนิท นั่นหมายถึงอาการวาล์วรั่ว อาการที่เราจะพอ คือ เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ เครื่องสั่น เปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น 1. 15) หัวเทียน (spark plug) ทำหน้าที่ให้ประกายไฟฟ้าในการจุดระเบิด เพื่อให้เกิดการเผาไหม้ไอเชื้อเพลิงผสมอากาศภายในกระบอกสูบ หัวเทียน (spark plug) การดูแล "หัวเทียน" หมั่นตรวจดูสภาพการทำงานของเครื่องยนต์ในกรณีรถกระตุกอาจเกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ เราควรถอดเอาหัวเทียนออกมาทำความสะอาด ใช้เครื่องมือถอดหัวเทียนออกมา แล้วตรวจดูสภาพของหัวเทียน ทั้งในเรื่องคราบเขม่าสกปรก และระยะห่างของเขี้ยวหัวเทียน ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีระยะปรับตั้งที่บอกมาเป็นค่ามาตรฐาน ทำความสะอาดด้วยการใช้กระดาษทรายละเอียดขัด และล้างด้วยน้ำมัน เช็ดและเป่าให้แห้ง ทิ้งไว้จนแห้งสนิทแล้วจึงนำไปประกอบกลับคืน 1.
![]()
Kawasaki kr 150 แต่ง สวย wheels
![]()
7) เพลาข้อเหวี่ยง (Crankshaft) ทำหน้าที่ รับกำลังจากก้านสูบ และเปลี่ยนแรงการเคลื่อนที่ของลูกสูบที่ขึ้นลง หรือซ้ายขวา ไปเป็นการเคลื่อนที่แบบหมุนเป็นวงกลม เพื่อถ่ายทอกกำลังหมุนไปยังชิ้นส่วนอื่น ๆ อ้างอิงรูป: และ เพลาข้อเหวี่ยง (Crankshaft) การดูแล "เพลงข้อเหวี่ยง" การบำรุงรักษาแบริ่งให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ โดยเราจะต้องเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นให้ตรงเวลา "อย่าลาก" หรือปล่อยให้น้ำมันหล่อลื่นแห้งจนเกินไป 1. 8) เพลงลูกเบี้ยว (Camshaaft) ทำหน้าที่เปิดวาล์วไอดีและวาล์วไอเสียจะปิด"เพื่อให้อากาศไหลเข้า"เมื่อเปิดวาล์วไอเสียวาล์วไอดีจะปิด"เพื่อให้ไอเสียไหลออก" เพลงลูกเบี้ยว (Camshaaft) การดูแล "เพลาลูกเบี้ยว" โดยปกติแล้วลูกเบี้ยวจะไม่เสียหายง่าย ๆ แต่ชิ้นส่วนที่อาจจะเสียหาย คือเซนเซอร์เพลาลูกเบี้ยว ก็สามารถเปลี่ยนใหม่ได้ ราคาไม่แพง 1. 9) ล้อช่วยแรง (Fly Wheel) หรือล้อตุนกำลัง จะติดอยู่ที่ตำแหน่งปลายของเพลงข้อเหวี่ยง ทำหน้าที่สะสมกำลังงานเพื่อทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ ล้อช่วยแรงจะเพิ่งแรงหมุนข้อเหวี่ยงเป็น 2 เท่าตัวไม่ว่าเครื่องยนต์จะทำอัตราเร่งหรือลดก็ตาม ล้อช่วยแรง (Fly Wheel) การดูแล "ล้อช่วยแรง" ล้อช่วยแรงผลิตขึ้นจากเหล็กกล้า จึงเป็นไปได้ยากที่จะแตก หัก หรือบิ่น เว้นแต่จะถูกกระแทงอย่างแรง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็ต้องซื้อเปลี่ยนใหม่อย่างเดียว 1.